ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แวดวงต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือ อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา
อนาคตของการตลาดอสังหาริมทรัพย์
แนวโน้มที่น่าจับตามอง มีอะไรบ้าง?
1. การเข้ามาของเทคโนโลยี AI และ Big Data
แน่นอนว่าการเข้ามาของเทคโนโลยี AI และ Big Data ส่งผลต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายด้านอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการประเมินราคา การบริหารความเสี่ยง และกลยุทธ์การตลาด
การประเมินราคาและโมเดลการตั้งราคา: การใช้ AI โดยเฉพาะ Machine Learning ช่วยในการทำนายราคาทรัพย์สินได้แม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีการประเมินแบบดั้งเดิม เช่น โมเดล Hedonic ซึ่งเป็นที่นิยมมาก่อนหน้านี้ ตัวอย่างเช่น การใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Machine Learning อย่าง Extra Trees และ k-Nearest Neighbors (KNN) สามารถปรับปรุงการคาดการณ์ราคาและลดข้อผิดพลาดในการวิเคราะห์ได้ สรุปคือ เทคโนโลยี AI และ Big Data นั้นช่วยให้การทำงานในวงการอสังหาริมทรัพย์สะดวกและแม่นยำขึ้นหลายเท่าตัว เช่น ช่วยคำนวณราคาทรัพย์สินได้แม่นยำกว่าเดิม ลดความเสี่ยงในการตัดสินใจซื้อหรือขาย และช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ทำให้สามารถวางแผนการตลาดได้ตรงจุดมากขึ้น นอกจากนี้ยังลดเวลาที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลต่างๆ ทำให้ทุกอย่างรวดเร็วขึ้น
การนํา Ai และ Big Dataมาวิเคราะห์ความเสี่ยง: Big Data สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนหรือซื้อขาย การวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น ประวัติการขาย การเปลี่ยนแปลงราคา และปัจจัยอื่น ๆ ทำให้บริษัทสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด
อ้างอิง (SpringerLink)
สรุปก็คือ เทคโนโลยี AI และ Big Data ช่วยทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำงานได้ดีขึ้นมาก ทั้งในด้านการประเมินราคาที่แม่นยำ การลดความเสี่ยงในการลงทุน และการปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ช่วยให้กระบวนการซื้อขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีดังกล่าวยังคงไม่ครอบคลุมในหลายๆพื้นที่มากนัก จึงยังมีความนิยมในการใช้ค่อนข้างน้อยและยังไม่เป็นที่น่าเชื่อถือมากพอทที่จะเป็นมาตรฐานในการประเมิณ
2. Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR)
Virtual Reality (VR) นั้นคือเทคโนโลยีที่สร้างประสบการณ์เสมือนจริงในโลกดิจิทัลที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสและโต้ตอบได้ โดยใช้ชุดหูฟัง VR และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อเข้าสู่สภาพแวดล้อมเสมือน จะถูกจําลองเข้ามาเป็นสถานการณ์ต่างๆเช่น เกม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆปัจจุบันถูกนํามาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆเพิ่มมากขึ้น
การใช้VRและARในการสร้างประสบการณ์การชมบ้านหรือคอนโดแบบเสมือนจริงก่อนการซื้อขาย ผู้บริโภคสามารถเยี่ยมชมและสำรวจทรัพย์สินโดยไม่ต้องเดินทางไปสถานที่จริง หากเทคโนโลยีดังกล่าวมีความแม่นยํามากขึ้น คาดว่าจะถูกนํามาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และทำให้การตัดสินใจซื้อเกิดขึ้นเร็วขึ้น
3. แพลตฟอร์มออนไลน์และ Social Media Marketing
ไม่ว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีจะกระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์เพียงใด แพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดียจะยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการทำตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่สําคัญเช่นกัน
แพลตฟอร์มออนไลน์ยังคงมีประโยชน์และมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตดังนี้
เพิ่มการเข้าถึงลูกค้า: แพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยให้ผู้พัฒนาและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวางขึ้น ผ่านเว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, และแอพพลิเคชันต่าง ๆ
การตลาดเป้าหมาย: Social Media Marketing ช่วยให้สามารถทำการตลาดแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น โดยใช้ข้อมูลและพฤติกรรมของผู้ใช้ในการกำหนดโฆษณาและโปรโมชั่นที่ตรงกับความสนใจ
การสร้างแบรนด์และความเชื่อถือ: การใช้โซเชียลมีเดียช่วยสร้างแบรนด์และสร้างความเชื่อถือให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยการแชร์เนื้อหาที่มีคุณค่าและแสดงความเชี่ยวชาญ
การวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์: ข้อมูลและสถิติที่ได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดียช่วยให้สามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาดและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์นั้นและ Social Media Marketing จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต เนื่องจากช่องทางดังกล่าวมีการปรับตัวไปตามยุคสมัยตลอดเวลานั้นเอง
4. แนวโน้มของการสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน
การสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืนกำลังกลายเป็นแนวโน้มที่สำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต เนื่องจากการออกแบบและก่อสร้างที่ยั่งยืนมุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนและวัสดุรีไซเคิล นอกจากนี้ การสร้างที่ยั่งยืนยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าใช้จ่ายพลังงานในระยะยาว ซึ่งเป็นข้อดีที่สำคัญสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์
ผู้บริโภคและนักลงทุนเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีความยั่งยืน ซึ่งทำให้การสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนกลายเป็นทางเลือกที่นิยมมากขึ้น อสังหาริมทรัพย์เหล่านี้มักมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในตลาดและสามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้ซื้อที่มีความสนใจในสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ หลายประเทศและเมืองเริ่มมีกฎระเบียบและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างที่ยั่งยืน เช่น มาตรฐาน LEED หรือ BREEAM ซึ่งทำให้การสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืนกลายเป็นเรื่องสำคัญและเป็นข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตาม เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบอัจฉริยะในบ้าน (smart home) และการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืนอีกด้วย
โดยรวมแล้ว การเน้นที่การสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืนจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต และช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. PropTech และการซื้อขายแบบดิจิทัล
PropTech หรือเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์กำลังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้กระบวนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มออนไลน์, การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่สนับสนุนการตัดสินใจต่างๆได้ง่ายขึ้น
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและทันสมัย, การทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์, และการใช้เครื่องมือในการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์อย่างแม่นยำช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและช่วยลดขั้นตอนที่มีความยุ่งยากได้
เทคโนโลยี PropTech ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้แอพพลิเคชันที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ 3D หรือการใช้เทคโนโลยี VR และ AR เพื่อให้ลูกค้าสามารถสำรวจอสังหาริมทรัพย์ได้จากที่บ้าน การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและพฤติกรรมของลูกค้า ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
การทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ยังช่วยลดความยุ่งยากในการดำเนินการเอกสารและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง โดยมีการจัดการที่สะดวกสบายและปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
สรุปคือการเข้ามาของ PropTech และการซื้อขายแบบดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว โดยการทำให้กระบวนการซื้อขายมีความสะดวก, โปร่งใส, และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นแนวโน้มก้าวสำคัญในอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์
6. การเน้นกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่
การเน้นกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่มีผลกระทบสำคัญต่ออนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงในความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ เช่น คนรุ่นมิลเลนเนียลส์ (Millennials) และเจน Z (Gen Z) กำลังส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มนี้
กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่มักให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ พวกเขามักเลือกที่อยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีทันสมัยและการเชื่อมต่อดิจิทัลที่ดี รวมถึงการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ดังนั้น, อสังหาริมทรัพย์ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีสมาร์ทโฮมและมีการออกแบบที่ทันสมัยจะได้รับความนิยมจากกลุ่มนี้
นอกจากนี้, กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่มักให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต เช่น การมีพื้นที่ที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ และการเข้าถึงบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายในพื้นที่ใกล้เคียง ดังนั้น, การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการออกแบบพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นและการเข้าถึงบริการชุมชนจะเป็นสิ่งที่สำคัญ
ผู้บริโภครุ่นใหม่ยังมีแนวโน้มที่จะค้นหาข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์และทำการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ดังนั้น, การตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตจะต้องเน้นการใช้กลยุทธ์ดิจิทัลและโซเชียลมีเดียเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายนี้
การเน้นกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและการออกแบบอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวให้ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
7. ที่อยู่อาศัยที่ปรับเข้ากับวิถีชีวิตใหม่
ที่อยู่อาศัยที่ปรับเข้ากับวิถีชีวิตใหม่กำลังเป็นแนวโน้มสำคัญในอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตและความต้องการของผู้บริโภค ทำให้การออกแบบและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องมีความยืดหยุ่นและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น
หนึ่งในความสำคัญคือการออกแบบที่สามารถรองรับการทำงานจากที่บ้าน (remote work) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่สำหรับสำนักงานในบ้านหรือพื้นที่ทำงานที่สะดวกสบายและมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดี จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นสืบเนื่องมาจากเทรนด์การทำงานจากที่บ้าน ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองหาบ้านที่มีพื้นที่ทำงานมากขึ้น รวมถึงแนวโน้มการสร้างพื้นที่ที่สามารถปรับใช้ตามความต้องการในการทำงานหรือกิจกรรมที่หลากหลายนอกจากนี้, การออกแบบที่อยู่อาศัยให้มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย เช่น การมีห้องที่สามารถใช้เป็นทั้งพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อน หรือการออกแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่ได้ตามความต้องการของผู้ใช้ จะช่วยเพิ่มความสะดวกและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป
การเน้นที่การออกแบบและพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองความต้องการของวิถีชีวิตใหม่จะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์สามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน
8.ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ
การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ผู้สูงวัยกำลังเป็นปัจจัยสำคัญในอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากประชากรสูงอายุทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การออกแบบและพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัยจึงมีความสำคัญเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มนี้
ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยจะต้องมีการออกแบบที่ตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของพวกเขา เช่น การออกแบบให้เข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการไม่มีสิ่งกีดขวาง, การใช้วัสดุที่ปลอดภัย เช่น พื้นที่กันลื่น, และการติดตั้งมือจับที่แข็งแรงเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ ยังต้องมีการออกแบบภายในบ้านให้สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการ เช่น ห้องน้ำที่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือ และพื้นที่ที่สามารถเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความสะดวกของผู้อยู่อาศัย
ความสะดวกในการเข้าถึงบริการสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ผู้สูงวัยมักต้องการการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างสะดวก เช่น คลินิกหรือโรงพยาบาลใกล้เคียง, ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ, และบริการช่วยเหลือภายในชุมชน การออกแบบชุมชนให้เชื่อมต่อกับบริการเหล่านี้อย่างง่ายดายจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัย
พื้นที่ใช้สอยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่น ห้องที่สามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน, ห้องทำกิจกรรม, หรือพื้นที่สำหรับการดูแลสุขภาพ การออกแบบให้มีพื้นที่กลางแจ้งที่ใช้งานได้ง่าย เช่น สวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียว ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเช่นกัน
การพัฒนาและออกแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงวัยจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต และจะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประชากรสูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพปและจะเพิ่มกลุ่มเป้าหมายจากกลุ่มผู้สูงวัยได้มากขึ้นเช่นกัน
อ้างอิง https://blog.ghbank.co.th/real-estate-trends-in-thailand/