วิธีการเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของคุณ

วิธีการเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของคุณ

LINE_ALBUM_22967_240923_5

Table of Contents

วิธีการเลือกทำเลให้เหมาะสมกับอสังหาริมทรัพย์ของคุณ

ความสำคัญของทำเลที่ตั้ง

การเลือกทำเลที่ตั้งโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญก่อนที่จะเริ่มต้นการพัฒนาโครงการ ด้วยเหตุนี้ เลือกทำเลที่ตั้งจะมีผลต่อตำแหน่งและสภาพแวดล้อมที่รอบของที่ดินที่มีผลกระทบต่อโครงการในอนาคต ถ้าไม่มีการพิจารณาอย่างเหมาะสม โครงการอาจพบปัญหาในการขายหรือใช้งานพื้นที่ อีกทั้ง การเลือกทำเลที่ตั้งที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้โครงการต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลที่ตั้งอย่างรอบคอบ (สุกุลพัฒน์ คุ้มไพศาล, 2562) และขจรศักดิ์ ไชยวงศ์ (2560)

อีกทั้งโครงการอสังหาฯ แต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ผู้ประกอบการที่มีที่ดินอยู่แล้วจะมีข้อจำกัดในเรื่องการเลือกประเภทอสังหาริมทรัพย์มากกว่าผู้ที่ยังไม่มีที่ดินเพราะต้องเลือกโครงการให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีอยู่ ซึ่งผู้ประกอบการที่ยังไม่มีที่ดินจะมีตัวเลือกในการวางโครงการอสังหาฯ ได้หลากหลายกว่า ดังนั้นทำเลที่ตั้งจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมากในการวางแผนว่าควรทำโครงการอสังหาฯ แบบใดให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีอยู่

สำหรับผู้ที่ยัง ไม่มี พื้นที่ครอบครอง

มีวิธีการเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมโดยใช้วิธีดังนี้

วิธีการ PACET

เป็นวิธีการเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมกับโครงการตามหลักเกณฑ์การพิจารณาเลือกทำเลที่ตั้งโดยคำนึงปัจจัยทางกายภาพ "ซึ่งง่ายและเหมาะสมกับนักลงทุนมือใหม่" โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุกุลพัฒน์ คุ้มไพศาล, 2021

โดย PACET สามารถจำแนกได้ดังนี้

เริ่มต้นด้วย P : Public Utilities

P ย่อจาก PUBLIC UTILITIES

หมายถึง สาธารณูปโภค และสาธารณูปการ ทำเลที่ตั้งโครงการควรมีสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบสื่อสาร ฯลฯ ครบครัน และมีคุณภาพเพียงพอสม่ำเสมอหรือมีระบบสำรอง เช่น หากเกิดกรณีไฟฟ้าดับ มีไฟฟ้าสำรองแหล่งอื่น ที่ช่วยป้อนพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่โครงการเพื่อลดความสูญเสียของโครงการได้ ทางผู้พัฒนาโครงการควรพิจารณาเลือกที่ตั้งโครงการให้อยู่ใกล้แหล่งสาธารณูปการ (บริการจากภาครัฐหรือท้องถิ่น) เช่นกัน หากพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรร ก็ควรเลือกทำเลที่ตั้งให้ใกล้กับตลาด โรงเรียนอนุบาล สถานีตำรวจ หรือโครงการอาคารชุดพักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ก็ควรเลือกทำเลที่ใกล้กับโรงพยาบาลหรือศูนย์อนามัย สาธารณสุข เผื่อกรณีฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ จะได้จัดส่งผู้ใช้อาคารได้อย่างรวดเร็ว

A : Accessibility

A ย่อจาก ACCESSIBILITY

หมายถึง การเข้าสู่พื้นที่ตั้งโครงการ การเข้าถึงพื้นที่โครงการเป็นปัจจัยแรกๆ ที่ผู้พัฒนาโครงการพิจารณาในการเลือกทำเลที่ตั้ง เนื่องจากมีผลด้านราคาซื้อขายที่ดิน หากที่ดินไม่มีทางเข้าออกตามกฎหมาย ให้ถือเสมือนว่าที่ดินแปลงนั้นไม่มีทางเข้าออก (หรือ “ที่ดินตาบอด”) และราคาประเมินจะลดลงอย่างมาก(การุณย์ เดชพันธุ์, 2557) โดยทั่วไปแล้วที่ดินตาบอดจะไม่มีการซื้อขายกัน ยกเว้นผู้ซื้อไม่มีความรู้เกี่ยวกับที่ดิน ธนาคารจะไม่รับจำนองที่ดินตาบอด แต่ยังต้องเสียภาษีที่ดินประจำปี นอกจากนี้แล้ว สุกุลพัฒน์ คุ้มไพศาล, อิศเรศ วีระประจักษ์ และการุณย์ เดชพันธุ์,(2559) ยังได้สรุปความหมายของการเข้าออก (ACCESSIBILITY) สามารถสรุปได้ใน 2 กรณีดังนี้ การเข้าออกตามกฎหมาย (LEGAL ACCESSIBILITY) หมายถึงที่ดินแปลงที่ตั้งโครงการนั้น มีด้านใดด้านหนึ่งที่ติดกับทางสาธารณะหรือแม่น้ำลำคลองสาธารณะ สามารถถือได้ว่ามีทางเข้าออกสาธารณะตามกฎหมายแล้ว แต่หากที่ดินแปลงนั้นเป็นที่ดินที่ไม่มีทางเข้าออกตามกฎหมาย (ที่ดินตาบอด) ผู้ประกอบอาจจดทะเบียนภาระจำยอม หรือหาทางจำเป็นร่วมกับเจ้าของที่ดินแปลงที่ขวางกั้นไม่ให้ที่ดินที่ตั้งโครงการออกสู่ถนนสาธารณะได้

คุณภาพการเข้าออก (Access’s quality) นอกจากจะมีทางเข้าออกตามกฎหมายแล้ว คุณภาพการเข้าออกยังเป็นปัจจัยที่ผู้พัฒนาโครงการต้องคำนึงถึงด้วย กล่าวคือ ต้องพิจารณาด้านความกว้างของถนนผ่านหน้า (เนื่องจากมีผลต่อ ระยะร่น – Right of Way: ROW แปรผันโดยตรงกับความสูงของอาคารที่จะปลูกสร้างในที่ดินด้วย) หน้ากว้างของที่ดิน (หมายถึงระยะของหน้าแปลงที่ดินที่ติดกับถนน) เนื่องจากมีผลต่อการออกแบบอาคารและการนำสายตาเข้าสู่ตัวอาคาร (Orientation) นอกจากนี้แล้ว ลักษณะผิวทางของทางเข้าออกยังมีผลต่อการพิจารณาเข้าโครงการของผู้ใช้และผู้พัฒนาโครงการด้วย หากผิวทางเข้ามีลักษณะสมบูรณ์ ยานพาหนะสามารถเข้าได้ทุกชนิด ที่ดินแปลงย่อมมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการมาก เรื่องของการเข้าถึงโครงการนับว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จำเป็นจะต้องมีการวิเคราะห์พื้นที่ (Site orPhysical Analysis) ให้ดี ต้องคอยตรวจสอบแนวเวนคืน ซึ่งสามารถสอบถามได้จากสำนักการโยธากรุงเทพมหานคร, กรมทางหลวง, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตัวอย่างการเข้าถึงได้สะดวก เช่นวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม ก็สามารถเข้ามาได้ทั้งทางเข้าประตู 4 เส้นถนนเพชรบุรี ข้ามสะพานคลองแสนแสบ และประตู 5 ซอยหน้าโรงพยาบาลจักษุรัตนิน นอกจากนั้นก็ยังสามารถใช้ประตู 1 ติดตึกแกรมมี่ ประตู 2 ติดโรงเรียนสาธิตประสานมิตรประตู 3 ติดโรงเรียนสาธิตประสานมิตรฝั่งโรงอาหาร ได้เช่นกัน แต่ต้องอาศัยการเดินที่ไกลกว่า 2 ตัวเลือกข้างบน

C : Communities

C ย่อจาก COMMUNITY

คือชุมชนบริเวณรอบที่ดินที่พัฒนาโครงการ ชุมชนบริเวณรอบข้างอย่างไร ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยด้านสังคม (SOCIAL) กล่าวคือพิจารณาคุณภาพของชุมชนรอบข้างว่า มีลักษณะพื้นฐาน (CHARACTERISTICS) อย่างไร เช่น กลุ่มอายุ กลุ่ม GENERATION ชุมชนศาสนา เชื้อชาติ ฯลฯ ปัจจัย COMMUNITY เป็นปัจจัยที่ละเอียดอ่อนมาก หากผู้พัฒนาโครงการพัฒนาโครงการโดยไม่พิจารณาปัจจัยด้านสังคม อาจได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านชุมชนบริเวณรอบข้างต่อต้านได้เช่น การพัฒนาสถานบันเทิงบริเวณศาสนถาน อาจจะได้รับการต่อต้านจากศาสนิกชนของศาสนานั่น อาจเกิดความขัดแย้งในชุมชนได้ ชุมชนที่อยู่รายรอบโครงการนั้น

ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องวิเคราะห์ว่าโครงการใดที่จะเป็นตัวกำหนดที่ก่อให้เกิดการกระเพื่อมของชุมชน หรือที่เรียกว่า Trigger ส่วนชุมชนที่กระเพื่อมออกไปนั้นเรียกว่า Ripple Effect ตัวอย่างแถวมศว ฝั่งเส้นถนนเพชรบุรี จะพบว่ามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตอโศกเป็น Trigger และชุมชนที่อยู่รายรอบมหาวิทยาลัยเป็น Ripple Effect ด้วยเหตุนี้จะพบว่าชุมชนที่อยู่รายรอบจึงเป็นหอพัก อพาร์ตเมนท์ให้เช่า ร้านอาหาร ร้านซักรีด และที่ขาดไม่ได้คงจะเป็นร้านนั่งดื่มแก้เครียดจากการเรียน แต่สังเกตว่าไม่ค่อยมีโครงการใช้ชื่อเป็นหอพัก เพราะหอพักมีกฎหมายควบคุมโดยเฉพาะ เช่น ต้องแยกหอหญิงหอชาย ผู้เช่าต้องอายุไม่เกิน 25 ปี ต้องมีผู้จัดการหอพัก เป็นต้น กฎหมายเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องศึกษาให้ละเอียดโดยห้ามใช้สามัญสำนึกส่วนตัวโดยเด็ดขาด

E : Environment

E ย่อจาก ENVIRONMENT

สิ่งแวดล้อมในที่นี้หมายถึงสภาพของกายภาพในบริเวณรอบๆ โครงการทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาถึงสภาพทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศของที่ดินที่ตั้งโครงการด้วยกล่าวคือจะต้องพิจารณาเรื่องความสูงต่ำของที่ดินจากระดับถนนหรือระดับน้ำทะเล เนื่องจากมีผลกระทบจากน้ำท่วมได้ หรือแม้กระทั่งที่ดินแปลงนั้นเดิมใช้ประโยชน์มาก่อนอย่างไร หากมีการใช้ประโยชน์เป็นสถานที่ทิ้งขยะ น้ำเสีย หรือเป็นโรงงานอุตสาหกรรมมาก่อน อาจจะได้รับผลกระทบจากสารพิษตกค้างในที่ดิน ส่งผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ที่ดินของโครงการในอนาคตได้ และที่สำหรับบริบทของคนไทยที่ขาดไม่ได้ คือความเชื่อ เช่น พื้นที่นี้เคยเป็นที่เผาศพมาก่อน หรือ พื้นที่ตรงนี้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถเป็นทำเลในการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เพราะคนในพื้นที่ที่เชื่อไม่ยอมเป็นต้น ซึ่งปัจจัยส่วนนี้ก็มีผลเช่นกัน

T : Transportation

T ย่อจาก TRANSPORTATION

การคมนาคมขนส่ง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ควรเลือกทำเลที่ตั้งในบริเวณที่มีระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (ทั้งภาครัฐหรือเอกชน) ตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นระบบราง รถประจำทาง เรือ หรือหากเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์การค้าต้องพิจารณาถึงการเดินรถว่าเป็นแบบทางเดียว หรือสองทาง หรือเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าหรือไม่แต่ในกรณีที่ถ้าเชื่อมต่อแล้วปัญหาที่ตามมาคือจะตั้งชื่อสถานีว่าอะไร หรือคลังสินค้า ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเดินรถพ่วง หรือรถเทรลเลอร์ เพราะมีกฎหมายเกี่ยวกับเวลาการเดินรถ (ที่เรียกกันว่า“ติดเวลา”) จนถึงพิจารณาหาทำเลที่ตั้งที่เป็นบริเวณรอบ ๆ ท่าอากาศยาน เพื่อความสะดวกในการเดินทางและขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการและผู้ใช้งาน

ตัวอย่าง เกี่ยวกับการขนส่งที่ไม่ดีเช่น วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ วิทยาเขตอโศก เป็นตัวอย่างหนึ่งที่การเข้าสู่คณะฯ ไม่ค่อยมีความสะดวกสบาย กล่าวคือ สามารถเข้าได้ผ่านประตูทั้ง 5 ของมหาวิทยาลัยด้วยการเดินเท่านั้น สามารถนำรถเข้ามาจอดหน้าคณะในกรณีที่มีการขนของเท่านั้น ถ้าจะจอดรถต้องนำไปจอดใต้ดินที่ของทางมหาวิทยาลัยแล้วเดินมา อีกทั้งถนนในมหาวิทยาลัยมีความแคบและเต็มไปด้วยการก่อสร้างหรือแม้กระทั้งถนนเส้นหลักคือเส้นอโศกมนตรี ที่ขึ้นชื่อว่ารถติดตลอดเวลาจึงถือว่าเป็นตัวอย่างการทำเลที่ไม่สะดวกสบายต่างกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมืองมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่การขนส่งดีซึ่งกล่าวได้ว่าการเข้าสู่คณะฯ มีความสะดวกสบายมีรถไฟฟ้าสายสีแดงที่จะวิ่งมาด้านหลังมหาวิทยาลัย หรือหากจะมาทางทางรถยนต์ก็สามารถใช้ทางพิเศษ (ทางด่วน) อุดรรัถยา และมาลงที่ทางลงเชียงราก ก็สามารถมาถึงมหาวิทยาลัยทางด้านข้างได้และใกล้กับสนามบินนานาชาติดอนเมือง หลักสูตร MIRED เคยมีนักศึกษาจากราชอาณาจักรกัมพูชา(ประเทศกัมพูชา) ขึ้นเครื่องบินมาลงที่ดอนเมืองแล้วต่อรถแท็กซี่ ยังมาเรียนตอน 9 โมงเช้าได้ทัน

สรุป

  • โดยสรุปคือวิธีการเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมกับโครงการอสังหาริมทรัพย์สามารถทำได้โดยใช้หลักพิจารณาผ่านโมเดล PACET มาช่วยพิจารณาซึ่งประกอบไปด้วย 

1. P(Public Utilities) : สาธารณูปโภค และสาธารณูปการ 

2. A (Accessibility) : การเข้าถึงพื้นที่โครงการ 

3. C (Community) : ชุมชนบริเวณรอบที่ดินที่พัฒนาโครงการ 

4. E (Environment) : สิ่งแวดล้อม สภาพทางกายภาพพื้นที่โครงการโดยรอบ 

5. T (Transportation) : การคมนาคมขนส่ง ทั้ง 5 ปัจจัยนี้เป็นวิธีหรือตัวช่วยที่จะสามารถเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของผู้ประกอบการ ให้สามารถวางตัวโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ทั้งนี้จากเกณฑ์การเลือกทำเลที่ตั้งพัฒนาโครงการ โมเดล PACET ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อาจพัฒนาหรือเพิ่มเติมเกณฑ์การเลือกที่ตั้งที่เหมาะสมกับบริบทหรือสถานการณ์ทางสังคมได้ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงลักษณะและความต้องการพื้นฐานของผู้ใช้งานโครงการด้วยโดยต้องเลือกทำเลที่ตั้งที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น หากพัฒนาโครงการศูนย์การค้าในบริเวณชานเมือง  ควรพิจารณาทำเลที่ตั้งจากจำนวนของระบบขนส่งมวลชนและคุณภาพของการเข้าออกโครงการสำหรับพาหนะของลูกค้า รวมทั้งทางเข้าออกของรถขนถ่ายสินค้า จำนวนที่จอดรถที่เหมาะสม เป็นต้น  หรือหากพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับหรูหราสำหรับผู้มีรายได้สูง อาจจะพิจารณาจากชุมชนรอบข้าง และสภาพแวดล้อม เนื่องจากลูกค้าผู้ใช้งานต้องการความเป็นส่วนตัวสูง (Private) ไม่ต้องการอยู่ในชุมชนที่มีการเคลื่อนไหวขวักไขว่นัก รวมทั้งไม่ได้มีความจำเป็นเรื่องระบบขนส่งมวลชน แต่อาจมีความต้องการในการอยู่ในสาธารณูปโภคประเภท โรงพยาบาล หรือศาสนสถาน เป็นต้น กล่าวคือปัจจัยทำเลที่ตั้งเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการนำมาพิจารณาการลงทุนประกอบการอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้การดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์ผิดพลาดน้อยที่สุด ผู้ประกอบการต้องคำนึงอีกหลายปัจจัย ไม่เพียงแต่ปัจจัยทำเลที่ตั้งเท่านั้น เพื่อให้การประกอบธุรกิจอสังหาฯสำฤทธิ์ผลสูงสุดตามเป้าหมายที่ได้วางไว้นั้นเอง
Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.