กลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มีประสิทธิภาพสำหรับตัวแทนอสังหาฯ
ในยุคดิจิทัลที่ไม่ว่าใครต่างก็นำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อแข่งขันกัน การที่จะได้เปรียบเหนือคู่แข่ง คือ การปรับ “กลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์” ให้ดึงดูดและน่าสนใจ ทำให้การตลาดดิจิทัล หรือ Digital Marketing เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตัวแทนที่ต้องการประสบความสำเร็จจำเป็นต้องปรับตัว และนำกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลมาใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะนำเสนอ 10 กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์สามารถนำไปใช้ได้จริง
10 กลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ตัวแทนอสังหาฯ ควรรู้
1. สร้างกลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการสร้าง Website ที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันเจ้าของธุรกิจ หรือผู้ประกอบการได้กลับมาให้ความสำคัญกับการทำ Website มากขึ้น เพราะกลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าที่มีความสนใจในสินค้า หรือบริการ มักจะหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่า ทำให้โครงการที่มี Website เป็นของตัวเองจะได้รับการพิจารณามากกว่าโครงการที่ไม่มี Website เป็นของตัวเอง
แต่ไม่ว่าโครงการไหน ๆ ต่างก็มี Website เป็นของตัวเอง ทำให้จุดที่จะได้เปรียบคู่แข่ง คือ การสร้าง Website ให้มีประสิทธิภาพและดูน่าประทับใจเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยการทำ Website ควรออกแบบให้ดูเป็นมืออาชีพ ใช้งานง่าย และมีข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับโครงการ อีกทั้งควรมีรูปภาพและวิดีโอคุณภาพสูงจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ และที่สำคัญควรมีข้อมูลอัปเดตความคืบหน้าของโครงการ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น
2. การใช้ SEO (Search Engine Optimization)
เพื่อให้การทำการตลาดดิจิทัลมีประสิทธิภาพ แต่การที่ Website มีข้อมูล หรือเนื้อหาที่ละเอียดครบถ้วนอาจไม่เพียงพอต่อการสร้างแรงดึงดูด หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ดังนั้นการใช้ SEO เข้ามาช่วยในการทำ Website ปรับปรุง Websiteให้ติดอันดับการค้นหา และสามารถปรากฏบน Search Engine อย่าง Google เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกพบเจอเมื่อมีผู้สนใจค้นหาข้อมูลของอสังหาริมทรัพย์ได้
นอกจากนี้เพื่อให้การทำการตลาดดิจิทัลด้วย SEO โดยการใช้คำสำคัญ หรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการอสังหาริมทรัพย์ หรือซื้อขายบ้าน เมื่อกลุ่มเป้าหมายใช้ Keyword เหล่านี้ค้นหา ก็จะทำให้ Website ปรากฏเป็นอันดับต้น ๆ ได้ และหากใช้ SEO ร่วมกับ SEM (Search Engine Optimization) คือการติดหน้า Google แบบลงโฆษณา เสียเงินค่าโฆษณาให้ Google ก็สามารถช่วยให้เห็นผลลัพธ์เร็วยิ่งขึ้น
3. การใช้ Content Marketing
สำหรับธุรกิจ Real Estate หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าหลายท่านอาจมองว่าการทำ Content Marketing เพื่อเพิ่มยอดขาย เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่ตายตัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างมาก ทำให้การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น เคล็ดลับการซื้อขายบ้าน, ข้อมูลเกี่ยวกับทำเล และข่าวสารสารต่าง ๆ จะช่วยสร้างความน่าสนใจได้
โดยการทำ Content Marketing ช่วยสร้างกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพได้ เช่น การสร้าง Brand Awareness และดีต่อการทำ Lead Generation เพื่อใช้เก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ทราบถึงความต้องการ และนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกับความต้องการ และใช้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้นั่นเอง
4. การใช้ Social Media Marketing
Social Media Marketing เป็นการทำการตลาดดิจิทัลบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram และ LinkedIn โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับWebsiteได้อีกด้วย ทำให้การแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น Social Media จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้เป็นจำนวนมาก
5. การโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising)
เครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่หลาย ๆ ธุรกิจเลือกใช้แน่นอนว่า Facebook Ads เป็นเครื่องมือการตลาดบนแพลตฟอร์ม Facebook ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย ซึ่งการทำโฆษณาบน Facebook สามารถเลือกรูปแบบโฆษณาให้เหมาะสมกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในการแสดงจุดเด่นต่าง ๆ ออกมาได้ เช่น การแสดง Visual ภาพของอาคารสถานที่ และนี้ยังสามารถใช้แสดงวิดีโอที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศของสถานที่จริงได้ ที่สำคัญ Facebook Ads ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้โฆษณาส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในอสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรงอีกด้วย
6. การใช้การตลาดแบบ Influencer (Influencer Marketing)
การทำการตลาดดิจิทัลบนโลกออนไลน์สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นกลยุทธ์การทำการตลาดที่ควรนำมาปรับใช้ เพราะอิทธิพลของ Social Media มีส่วนในการตัดสินใจของคนไทยในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่ง Influencer Marketing นั้นสามารถใช้เพื่อสื่อสารตัวตนของแบรนด์ได้ เช่น การร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ หรือ Celeblities ที่ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ มีกลุ่มเป้าหมายติดตามมาให้ข้อมูลรีวิว หรือรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์ ก็สามารถช่วยสร้างการรับรู้ และกระตุ้นยอดขายได้
7. การเลือกใช้วิดีโอที่มีคุณภาพ (Video Marketing)
สื่อวิดีโอ (Video) เป็นสื่อที่สามารถแสดงให้เห็นได้ทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียง ทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศจริงของอสังหาริมทรัพย์ได้ เหมาะกับการทำการตลาดดิจิทัลสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการทำ Video Tours หรือทัวร์เสมือนจริง (VR) ซึ่งเป็นการจำลองสถานที่จริง ทำให้สามารถมองเห็นคุณลักษณะของพื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของโครงการได้อย่างละเอียดแม้โครงการจะยังสร้างไม่เสร็จ
การใช้สื่อวิดีโอที่มีคุณภาพ หรือการใช้ทัวร์เสมือนจริงไม่เพียงสร้างจุดสนใจ หรือดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้เพียงเท่านั้น แต่การนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการให้บริการของเจ้าของธุรกิจ หรือโครงการ สิ่งนี้สามารถช่วยให้กลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายได้
8. การสร้างกลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการทำ Email Marketing
Email Marketing เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ธุรกิจต่าง ๆ ยังคงเลือกใช้มาตั้งแต่อดีตจนถึงถึงปัจจุบัน ซึ่งยังเป็นกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ โดย Email Marketing เป็นการทำการตลาดผ่าน Email ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการส่ง Email ข้อมูลให้กับลูกค้าที่มี Email หรือข้อมูลอยู่แล้ว เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และสร้างฐานลูกค้าใหม่ เช่น การส่ง Email แนะนำโครงการ, โปรโมชั่น, แคมเปญ หรือส่งคำเชิญเยี่ยมชมสถานที่
ด้วยกลยุทธ์การตลาดสำหรับอสังหาริมทรัพย์ด้วย Email Marketing หากส่งในเวลา และเลือกรูปแบบของเนื้อหาที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายได้ ก็จะทำให้ Email Marketing เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุด
9. การวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics)
สำหรับเจ้าของกิจการหรือนักลงทุน ควรมีการอัปเดตเทรนด์หรือความรู้อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดในอนาคตได้ อีกทั้งยังทำให้สามารถนำข้อมูลมาใช้ประเมินได้ว่าความต้องการของตลาดคืออะไร จุดเด่น จุดด้อย โอกาส และอุปสรรคต่าง ๆ ของโครงการมีอะไรบ้าง ที่สำคัญยังรวมไปถึงการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด เพื่อให้สามารถนำมาวางแผนการตลาดได้
การนำข้อมูลที่รวบรวมมาวิเคราะห์เพื่อติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาด เป็นคุณสมบัติของนักการตลาดที่ดี เพราะสามารถนำผลลัพธ์ที่ได้มาใช้ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้ดีขึ้น เนื่องจากการตลาดดิจิทัล เป็นกระกระบวนการทำงานที่ต้องมีการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และดูว่าอะไรได้ผลดีที่สุดสำหรับธุรกิจ ซึ่งมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ เช่น Google Analytics เพื่อติดตามผลการทำการตลาดและปรับปรุงแนวทางการตลาดให้ดียิ่งขึ้น
10. การใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management)
การซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างจากการซื้อสินค้าทั่วไป เพราะการซื้ออสังหาริมทรัพย์ยังถือเป็นการลงทุนทางการเงินที่มีมูลค่า ซึ่งการรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าในระยะยาวเป็นสิ่งที่จำเป็น ทำให้ระบบ CRM หรือ Customer Relationship Management กลายเป็นระบบที่ธุรกิจต่าง ๆ เลือกใช้ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
โดยระบบ CRM มีจุดเด่นในการช่วยจัดการความสัมพันธ์ รวบรวมข้อมูล และติดตามการขายระหว่างเจ้าของธุรกิจกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงยังสามารถช่วยซัพพอร์ตการทำงานของทีมขาย และการตลาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งแพลตฟอร์ม HubSpot สำหรับธุรกิจอสังหาฯ เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์การใช้งานมากมาย เช่น Marketing Hub, Sales Hub หรือ CMS Hub ที่สามารถช่วยต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
สามารถค้นหาเครื่องมือเพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดอสังหารริมทรัพย์ได้อย่างไร?
การนำกลยุทธ์การทำการตลาดดิจิทัล หรือ Digital Marketing เหล่านี้ไปใช้จะช่วยให้ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ หรือเจ้าของธุรกิจ สามารถประสบความสำเร็จในการทำการตลาดดิจิทัลและเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณต้องการพัฒนาต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตมากยิ่งขึ้นสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือต้องการยกระดับการขายด้วยแพลตฟอร์ม HubSpot แพลตฟอร์มที่จะช่วยจัดการงานขายให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังไม่ตกหล่นในเรื่องของการบริการลูกค้าช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์การทำการตลาดดิจิทัลได้อย่างมืออาชีพ (คลิกที่นี่)
